วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561

10.พ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้ (Pembroke Welsh Corgi)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คอร์กี้


พ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้ (Pembroke Welsh Corgi)

เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว แต่ใจดี


{pic-alt} ลักษณะทั่วไป


พ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้มีลำตัวขนาดกลาง ลำตัวล่ำ ช่วงขาสั้น ส่วนหัวคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก ใบหูตั้งชัน มีขนทั้งสีแดง สีชา น้ำตาลอ่อน น้ำตาลแดง และสีดำ หางสั้น ชอบอยู่ในพื้นที่เล็กๆแคบๆ จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงไว้ในบ้าน นอกจากนี้ยังเป็นขวัญใจในการประกวดสุนัขและการแข่งขันกีฬาสุนัขอีกด้วย เดิมทีพ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้เป็นสุนัขเลี้ยงแกะขนาดเล็กเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี มีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์คาร์ดิแกน หางยาว ปานกลาง และพันธุ์เพ็มโบรค หางสั้น ตัวจะสั้นกว่า กระดูกขาเล็กกว่า


{pic-alt} ความเป็นมา

สุนัขสายคอร์กี้สายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในรัฐเพ็มโบรคเชียร์ แคล้นเวล์ส ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสายพันธุ์เก่าแก่เมื่อ 3,000 ปีก่อน ในช่วงศตวรรษที่ 12 เริ่มด้วยตอนแรกเรียกสุนัขพันธุ์นี้ว่า เวลส์ เคอร์ (Welsh Cur) กระทั่งถึงศตวรรษที่ 19 จึงเปลี่ยนมาเรียกเป็น เวลส์ คอร์กี้ (Welsh Corgi) จนถึงปัจจุบัน โดยในปีค.ศ. 1107 ช่างทอผ้าชาวเฟรมมิช ซึ่งมีรกรากเดิมอาศัยอยู่ในประเทศเบลเยี่ยม ได้นำบรรพบุรุษสายตรงของพ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้ข้ามช่องแคบระหว่างเกาะอังกฤษกับประเทศฝรั่งเศส เข้ามายังแคว้นเวล์ส สุนัขสายพันธุ์นี้ เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์หลายพันธุ์คือ คีชอน ,ปอมเมอเรเนียน ซามอยด์ นอร์วีเจียน เอลค์ฮาวนด์ และ ฟินนิช สปิตซ์
{pic-alt}

{pic-alt} ลักษณะนิสัย

พ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้ดูภายนอกเหมือนห้าวหาญเด็ดเดี่ยว แต่จริงๆ แล้วใจดีมากๆ เชื่อฟังเจ้านายและฝึกง่าย สุภาพอ่อนโยน อยากรู้อยากเห็น มีความกล้าหาญเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี แต่ไม่ก้าวร้าว ไม่ชอบเห่าพ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้ เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า และน้องหมาตัวอื่นๆ ติดเจ้าของ ไม่ว่าจะเจ้าของจะไปไหนก็อยากไปด้วย

{pic-alt} การดูแล


พ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้เดิมเป็นสุนัขที่เติบโตในฟาร์ม เขาจึงต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำ เช่นเดียวกันกับการแปรงขนเพื่อให้ขนนุ่มสวยเป็นประจำทุกวัน ควรอาบน้ำ 2 ครั้งต่อเดือน ไม่ควรอาบบ่อยเพราะจะทำให้มีปัญหาเรื่องผิวหนัง นอกจากนี้ ควรพาเข้าสังคม ทำความรู้จักคนแปลกหน้า น้องหมาตัวอื่นๆ เพื่อไม่ให้พวกเขารู้สึกหวั่นกลัว เขินอาย ไม่ไว้ใจใคร จนกลายเป็นน้องหมาที่ก้าวร้าวในเวลาต่อมา

{pic-alt}


{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


ผู้ที่เหมาะสมจะเลี้ยง พ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้ จะต้องเป็นผู้ที่มีเวลาพาเขาไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดูแลสุขพภาพขน มีเวลาเล่น ทำกิจกรรมกับพวกเขา ไม่ปล่อยให้อยู่เพียงลำพัง เนื่องจากพวกเขาเป็นน้องหมาที่ต้องการความรัก และ การเอาใจใส่จากเจ้าของค่อนข้างสูง



{pic-alt} ข้อควรจำ

มักมีปัญหาเกี่ยวกับสายตา และโรคจอรับภาพเสื่อมเฉียบพลัน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง เนื่องจากพวกเขามีลำตัวที่ค่อนข้างยาว ทำให้เกิดการกระทบกระเทือนขณะเคลื่อนไหว จึงไม่ควรปล่อยให้พวกเขาอ้วน เพราะจะส่งผลทั้งต่อการรับน้ำหนักของกระดูสันหลัง และโรคต่างๆ ที่จะตามมา 

{pic-alt}



{pic-alt}ความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้






{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์

ขนาดส่วนสูง 10.5–12.5 นิ้ว น้ำหนักควรเหมาะกับขนาด โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 25-38 ปอนด์
ศรีษะลักษณะศีรษะคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก รูปกระโหลกระหว่างหูทั้ง 2 ข้างกว้างและแบน บริเวณส่วนโหนกแก้มค่อนข้างกลมมน แต่ไม่สูงไปถึงตำแหน่งใต้ตา ระยะห่างระหว่างตำแหน่งด้านศีรษะถึงตำแหน่งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างช่วงโค้งสันจมูกของตา 2 ข้างจะมีมากกว่าระยะห่างจากตำแหน่งช่วงโค้งสันจมูกของตา 2 ข้างถึงปลายจมูก
ฟันมีลักษณ์เป็นฟันกรรไกร คือด้านในฟันบนสัมผัสกับด้านนอกของฟันล่าง
ปากริมฝีปากดำสนิท กระชับ
ตาดวงตารูปวงรีเข้มสดใส ไม่กลมแต่ดำสนิท
หูขนาดปานกลาง ตั้งตรง บริเวณยอดสามเหลี่ยมของใบหูต้องโค้งมน
จมูกดำสนิททั้งจมูก
คอลำคอมีขนาดยาวปานกลาง เพื่อเราสมดุลของร่างกาย และโค้งรับกับช่วงไหล่อย่างดี
อกช่วงอกตั้งตรง ไม่สูงหรือต่ำไปจากส่วนคอ
ลำตัวไล่ตั้งแต่เกราะซี่โครงช่วงอกลงไปถึงโคนหาง ลำตัวมีลักษณะเป็นรูปไข่วงรี อกลึกอยู่ระหว่าง 2 ขาหน้า ช่วงตัวที่อยู่ในระดับต่ำมากนี้เองที่ช่วยให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้อย่างมีอิสระ แล้วหางมองจากด้านบน ช่วงท้ายของลำตัวจะคล้ายสิงโต เพียงแต่เป็นสิ่งโตที่ย่อขนาดให้เล็กลงนั่นเอง
เอว
ขาหน้าขาสั้น ช่วงไหล่จะเอนเข้าไปด้านในมากกว่าช่วงข้อเท้า จะสังเกตเห็นว่าขาไม่ตั้งตรงนักเวลายืน แต่พอมองด้านข้างจะเห็นว่าตรงขึ้นมามากขึ้นกว่ามองจากทางด้านหน้า
ขาหลัง
หางหางต้องสั้นโดยไม่ได้รับการตัดแต่ง อันที่จริงแล้วพ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้มีหางบ็อบสั้นหยักศกอยู่แล้วโดยธรรมชาติ แต่ยิ่งสั้นยิ่งดีและได้รับการยอมรับ
ขนมีความยาวปานกลาง หนา แต่จะยาวและหนามากบริเวณรอบๆคอ อก ไหล่ ด้านหลังของขาหน้า และใต้ท้อง ส่วนบริเวณลำตัวขนจะสั้นแบนราบขนาบกับลำตัว อย่างไรก็ตามในช่วงฤดูหนาวจะมีขนอีกชั้นขึ้นหนาใต้ขนชั้นบนที่ยาวกว่าเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกา
กระหว่างตาทั้ง 2 ข้าง


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง :dogilike.com
เรียบเรียงโดย : http://ptfahnoey.blogspot.com
สืบค้นวันที่ 22/1/2561


ภาพประกอบ :





































9.บีเกิ้ล (Beagle)



บีเกิล (Beagle)

เฉลียวฉลาด ซุกซน คล่องแคล่วว่องไว




{pic-alt}ลักษณะทั่วไป


บีเกิลถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "สุนัขไล่หมาจิ้งจอกขนาดเล็ก" ขนสั้นเรียบลำตัวมีความยาวของลำตัวมากกว่าด้านสูงเล็กน้อย หูชิดกับหัว ปกติสีของบีเกิ้ลมี 3 สี ขาว ดำและแทน แต่สีที่เด่นและเป็นที่ยอมรับ คือสีผสมกันทุกสีจะเป็นที่ยอมรับ สุนัขบีเกิ้ลเป็นสุนัขที่อยู่ในกลุ่มต้นๆ ของสุนัขล่าสัตว์ แผลเป็นส่วนใหญ่มักเกิดจากการล่าสัตว์ รอยตัด รอยแหว่งที่หู ที่อาจเกิดจากหญ้า หนาม ใบไม้เป็นพิษ เป็นต้น



{pic-alt}ความเป็นมา

ต้นกำเนิดของสุนัขสายพันธุ์บีเกิลนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เชื่อกันว่าสุนัขกลุ่ม Hound สายพันธุ์นี้น่าจะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอังกฤษตั้งแต่ยุคสมัยก่อนที่จักรวรรดิโรมันจะเข้ายึดครอง บางรายงานกล่าวว่ามีการพบสุนัขสายพันธุ์นี้ในสมัยฝรั่งเศสและกรีกโบราณ และมีหลักฐานที่แน่ชัดชิ้นหนึ่งซึ่งบ่งชี้ว่ามีการใช้สุนัขสายพันธุ์บีเกิลนี้สำหรับล่าสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างกระต่าย ตั้งแต่ยุคสงครามครูเสด

สุนัขสายพันธุ์บีเกิลสามารถพบเจอได้เกือบทุกพื้นที่ของประเทศอังกฤษเนื่องจากเป็นสายพันธุ์ซึ่งชาวอังกฤษนิยมเพาะมากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของพวกเค้าคือมีความคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างสูงในการไล่ล่าและแกะรอยกระต่ายป่า ดังนั้นนายพรานชาวอังกฤษจึงมักพาเจ้าบีเกิลออกไปเป็นฝูงๆ แต่เช้ามืดเพื่อดมกลิ่นหาเหยื่อ เมื่อพวกเค้าได้กลิ่นเป้าหมายก็จะเห่าบอกเจ้านายและตามตีวงล้อมอย่างไม่ลดละ บีบให้เหยื่อเหลือทางหนีน้อยที่สุด (และหากเจ้ากระต่ายตัดสินใจหนีออกทางที่เหลืออยู่ก็มักต้องพบนายพรานดักรออยู่นั่นเอง) ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้เป็นที่นิยมของนายพรานชาวอังกฤษเป็นอย่างมาก

ในเวลาต่อมา ได้มีผู้นำสุนัขสายพันธุ์บีเกิลไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง หากแต่บีเกิลที่เข้ามาในสหรัฐอเมริกาช่วงแรกๆ นั้นก็ยังไม่มีรูปร่างสวยงามตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์เหมือนอย่างบีเกิลของประเทศอังกฤษ กระทั่งถึงปี ค.ศ.1870 จึงมีนักพัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวสหรัฐฯ กลุ่มหนึ่งเริ่มหันมาสนใจพัฒนาสายพันธุ์ของบีเกิลอย่างจริงจัง จนทำให้ได้บีเกิลซึ่งมีลักษณะดี เป็นที่ยอมรับ ถูกต้องตามมาตรฐานในที่สุด ซึ่ง American Kennel Club ก็ได้ทำการจดทะเบียนรับรองสุนัขสายพันธุ์บีเกิลตัวแรกเมื่อปี ค.ศ.1885 และต่อมาในปี ค.ศ.1888 จึงได้มีการก่อตั้งชมรมผู้เพาะพันธุ์บีเกิลแห่งสหรัฐฯ ขึ้นอย่างเป็นทางการ

ปัจจุบันสุนัขสายพันธุ์บีเกิลยังคงเป็นสุนัขซึ่งมีผู้นิยมเลี้ยงเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยความน่ารัก คล่องแคล่ว และเป็นมิตรกับทุกคน อย่างไรก็ตามบีเกิลอาจไม่เหมาะนักสำหรับการเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความที่เค้าต้องการสังคมสูง ชอบเล่นสนุก ชอบผูกมิตรกับสมาชิกในครอบครัวและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ดังนั้นหากปล่อยให้เค้าต้องอยู่ตามลำพังเป็นเวลานานจนเกินไปอาจทำให้เค้าเกิดความเครียดและนำไปสู่พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์หลายๆ ประการ


{pic-alt}



{pic-alt} ลักษณะนิสัย

บีเกิลเป็นสุนัขที่เป็นมิตร ร่าเริง ไม่ขี้อาย ไม่ขี้กลัว และไม่ก้าวร้าว ต่อคนหรือสัตว์อื่นๆ ด้วยขนาดที่กระทัดรัด และด้วยที่เค้าชอบคน บีเกิลจึงเป็นสุนัขที่เข้ากับเด็กๆได้ดี บีเกิ้ลสามารถปรับตัวเข้ากับคนได้เป็นอย่างดีจนเค้าไม่เหมาะจะเป็นสุนัขกลางแจ้ง การที่ถูกทิ้งไว้หลังบ้านตลอดเวลา จะทำให้เค้าเบื่อซึ่งจะแสดงออกโดย การเห่า หอน ขุด และพยายามหนี้



{pic-alt}การดูแล

การดูแลทำความสะอาดให้สุนัขขนสั้นอย่างบีเกิลนั้นแสนง่าย แค่อาบน้ำให้เค้าอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอ จากนั้นก็เช็ดหรือเป่าตัวของเค้าให้แห้งพร้อมๆ กับแปรงขนไปด้วย หรือถ้าไม่สกปรกมากอาจใช้แค่ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดตัวให้เค้าก็ได้ ส่วน เรื่องการแปรงขนให้บีเกิลสามารถทำได้โดยง่าย เนื่องจากว่าเค้ามีขนสั้นและสีเข้ม ควรแปรงขนให้แก่น้องบีเกิลทุกๆ 3-4 วัน เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกไปและช่วยเพิ่มความเงางามแข็งแรงแก่เส้นขน
และถึงแม้ว่าสุนัขสายพันธุ์บีเกิลนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ด้วยเหตุที่จุดประสงค์ดั้งเดิมที่เค้าถูกพัฒนาขึ้นมาคือการเป็นสุนัข สำหรับล่าสัตว์ ทำให้พวกเค้ามีพลังงานในตัวมากและชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง จึงควรพาน้องบีเกิลไปออกกำลังกายบ้างอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น และหากอาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่มีบริเวณกว้างขวางนัก อย่างเช่น คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์ ก็จะต้องพิจารณาให้ดีว่าพอมีเวลาและมีสวนสาธารณะใกล้เคียงที่สามารถพาเค้าไปเดินเล่นออกกำลังได้หรือไม



{pic-alt}


{pic-alt}ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

บีเกิลเป็นสุนัขที่เหมาะกับเด็กๆ ดังนั้นครอบครัวที่มีเด็กจึงเหมาะกับการเลี้ยงสุนับพันธุ์นี้มากๆ


{pic-alt}ข้อควรจำ


บีเกิลไม่ชอบและจะเบื่อถ้าถูกทิ้งอยู่ตามลำพัง ตัวเดียวได้เป็นเวลานานๆ ถ้าพวกเขารู้สึกเบื่อ เขาจะซนมาก คอยจะขุดหลุม หลีกหนี หรือดึงเสื้อผ้าที่ตากบนราวลงมาเล่น 


{pic-alt}

{pic-alt}


{pic-alt}ความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้




{pic-alt}มาตรฐานสายพันธุ์



ขนาดความสูงไม่ควรเกิน 15 นิ้ว
ศรีษะกะโหลกค่อนข้างยาว ท้ายทอยเป็นรูปโดม หน้าผากกว้างและเต็มจมูกยาวปานกลาง ส่วนปลายจมูกเห็นชัดเจน
ฟันฟันต้องแข็งแรง ฟันสีขาว ขบกันพอดี
ปากริมฝีปากดำ ไม่หย่อนคล้อย กระบอกปากยาวกำลังดี
ตาดวงตากลมใหญ่ ตั้งอยู่ในตำแหน่งพอดี สายตานุ่มนวล แต่แววตาแสดงออกถึงความกระตือรือร้น ดวงตามีสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลแดง
หูหูอยู่ในตำแหน่งต่ำเล็กน้อย ชิดกับหัว ขอบหน้าใบหูชิดกับแก้ม มีความยาวมากถ้ากางหูออก ปลายใบหูจะชิดกับปลายจมูก ใบหูเนื้อบาง หูค่อนข้างกว้างและกลม ในส่วนปลายไม่สามารถทำให้หูตั้งขึ้นได้
จมูกสีดำ
คอลำคอยาวปานกลางงอยู่ในตำแหน่งอิสระ แข็งแรง คอไม่ต่ำ ลำคอสะอาด ไม่มีรอยย่นของผิวหนัง แต่อาจมีบ้างเล็กน้อยในตำแหน่งด้านล่างตรงมุมของกราม แต่ยอมรับได้
อกอกลึกและกว้างแต่ไม่รบกวนการเป็นอิสระของของไหล่
ลำตัวลำตัวสะอาดเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเส้นโค้งของไหล่จะทำให้การเดินและท่าทางของสุนัขเต็มไปด้วยความแข็งแรงดูไม่หนาเทอะทะ
เอว-
ขาหน้าตรงและเต็มไปด้วยกระดูกซึ่งเป็นลักษณะของสุนัขกลุ่มล่าสัตว์ ข้อเท้าสั้นและแข็งแรง
ขาหลังเข่าแข็งแรง ลาดลงพอดี ข้อเท้าสมดุลและแบออกปานกลาง
หางอยู่ตำแหน่งปานกลาง ปลายหางโค้งขึ้นเล็กน้อยสูงกว่า แต่ไม่ไปด้านหน้ามากนัก หางจะมีขนเป็นพวง
ขนขนสั้น เรียบแน่น
สีขน3 สีร่วมกันโดยบนหลังจะเน้นเป็นสีน้ำตาลแดง อกและใต้ท้องจะเป็นสีขาว พาดด้วยสีดำไหม้

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง :dogilike.com
เรียบเรียงโดย : http://ptfahnoey.blogspot.com
สืบค้นวันที่ 22/1/2561